วันที่ 19 พฤษภาคม 2567 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดน่าน โดยมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายนิรันดร์ มูลธิดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายสมาน สุภัควาณิชย์ สหกรณ์จังหวัดน่าน นายคัมภีร์ นับแสง สหกรณ์จังหวัดพะเยา ผู้บริหารสังกัดกระทรวงและสหกรณ์ นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกร ให้การต้อนรับ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
โอกาสนี้ รมว.ธรรมนัส ได้พบปะเกษตรกร พร้อมมอบโฉนดเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตรกร 200 ราย ส่งมอบแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน จำนวน 67 บ่อ มอบปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์สัตว์น้ำ และมอบกรรมสิทธิ์โค - กระบือของธนาคารโค - กระบือ อีกด้วย
รมว.ธรรมนัส กล่าวว่า "แม่น้ำน่าน เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในภาคเหนือ และเป็นสายหลักที่ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาถึงร้อยละ 45 ซึ่งต้องเร่งสร้างอ่างเก็บน้ำให้ประชาชนต้นสายได้ใช้น้ำ และป้องกันไม่ให้ไหลท่วมสู่จังหวัดข้างเคียง อีกทั้งเป็นจังหวัดขนาดใหญ่อันดับที่ 13 ของประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 7 ล้านกว่าไร่ มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศลาว มีสถานที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้เคียงกัน จึงอยากให้พัฒนาการเกษตรควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวจะทำให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น"
นอกจากนี้ รมช.อรรถกร ได้กล่าวเสริมว่า กระทรวงเกษตรฯ ภายใต้การนำของ รมว.ธรรมนัส เป็นการลงพื้นที่รับฟังความเห็นประชาชนตามจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเมื่อวานนี้ผมได้ลงพื้นที่พบปะสมาชิกสหกรณ์ ณ ที่ทำการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดของลูกค้า ธ.ก.ส.น่าน พบว่า ประสบปัญหาด้านราคาสินค้าเกษตร ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ ต้องทำงานควบคู่กับ
กระทรวงพาณิชย์ เพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี รวมถึงใช้การทำสินค้าเกษตร แบบมีตลาดนำ เพื่อให้เกิดการรับซื้อสินค้า ซึ่งในฐานะ รมช.เกษตรฯ ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเศรษฐกิจของพี่น้องเกษตรกร ผมจะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใส และสามารถเข้าถึงได้